1.MIDI ( มิดี้) ย่อมาจากคำว่า Musical Instrument Digital Interface ถ้าแปลตรงๆ ก็คือ การเชื่อมต่อของเครื่องดนตรี ในระบบดิจิดอล MIDI คือระบบการสื่อสารระหว่างเครื่องดนตรีต่างๆ ทั้งชนิดเดียวกันหรือต่างชนิดกัน ทั้งยี่ห้อเดียวกันหรือต่างยี่ห้อกัน และยังรวมมาถึงจากคอมพิวเตอร์ กับเครื่องดนตรีด้วย MIDI เกิดขึ้นโดยบรรดานักดนตรีก็เกิดความต้องการที่จะเล่นเสียงของ เครื่องดนตรีหลายๆ ชิ้นพร้อมๆ กันขึ้นมา ซึ่งพวกเขาได้ทำปรับเสียงของคีย์บอร์ดหลายๆ ตัวเอาไว้ ตัวละเสียง แต่พวกเขา ก็ยังไม่สามารถควบคุมได้หมด ในบางครั้งนักดนตรีต้องการเล่นเสียงของเครื่องเป่า 5 ชิ้นพร้อมๆ กันในโน็ตตัวเดียวกัน ( unison ) เพื่อทำให้เสียง หนา ขึ้น แต่ก็สุดปัญญาที่จะเล่น เครื่องดนตรี5 ชิ้นพร้อมกันเนื่องมีมือแค่สองมือ และมีเพียงสองเท้าเท่านั้น นักดนตรีจึงต้องการ ความช่วยเหลือ จากระบบควบคุมเครื่องดนตรีทั้งหมดซึ่ง เชื่อมต่อกันได้อย่างสมบูรณ์
ดังนั้น นักดนตรีทั้งหลายจึงต้องการอุปกรณ์ที่จะช่วยเชี่อมต่อเครื่องดนตรีหลายๆ ชิ้นเข้าด้วยกัน โดยที่จะต้องไม่ขึ้นกับว่าเป็น เคริองดนตรีชนิดเดียวกันหรือมาจากบริษัทเดียว กันหรือไม่ และมาตรฐานนี้จะต้องสามารถใช้ควบคุมเครื่อง ดนตรีที่เป็น Electronic ทุกชนิดต่อไปในอนาคตด้วย
ดังนั้น นักดนตรีทั้งหลายจึงต้องการอุปกรณ์ที่จะช่วยเชี่อมต่อเครื่องดนตรีหลายๆ ชิ้นเข้าด้วยกัน โดยที่จะต้องไม่ขึ้นกับว่าเป็น เคริองดนตรีชนิดเดียวกันหรือมาจากบริษัทเดียว กันหรือไม่ และมาตรฐานนี้จะต้องสามารถใช้ควบคุมเครื่อง ดนตรีที่เป็น Electronic ทุกชนิดต่อไปในอนาคตด้วย
มาตรฐานของ MIDI จึงได้ถูกตั้งขึ้นมาโดยการร่วมมือกันของบรรดา บริษัทผู้ผลิตเครื่องดนตรี เพื่อต้องการสร้างมาตรฐานในการเชื่อมต่อ เครื่องดนตรีหลายๆ ชนิดเข้าด้วยกันโดยไม่ต้องคำนึงถึงยี่ห้อ หรือ รุ่น MIDI จึงเป็นข้อมูลที่แสดงถึงลักษณะเสียงที่แทนเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ ซึ่งเป็นมาตรฐานในการสื่อสารด้านเสียง ที่ได้รับการพัฒนามาตั้งแต่ปีค.ศ.1980 สำหรับใช้กับเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ โดยในมุมมองของนักดนตรี MIDI คือโน้ตเพลงที่มีรูปแบบเป็นสัญลักษณ์หรือตัวเลขที่จะบอกให้รู้ว่าต้องเล่นโน้ตตัวใดในเวลานาน เท่าไรเพื่อให้เกิดเป็นเสียงดนตรี
ดนตรีแบบ MIDI จะไม่เหมือนเสียงจากเครื่องดนตรีจริงๆดังนั้นเครื่องมือในการเล่นเพลงแบบ MIDI จะมีผลต่อคุณภาพเสียงที่ได้
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นในการสร้างและปรับแต่งเสียงMIDIให้มีความไพเราะมากยิ่งขึ้น
ดนตรีแบบ MIDI จะไม่เหมือนเสียงจากเครื่องดนตรีจริงๆดังนั้นเครื่องมือในการเล่นเพลงแบบ MIDI จะมีผลต่อคุณภาพเสียงที่ได้
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นในการสร้างและปรับแต่งเสียงMIDIให้มีความไพเราะมากยิ่งขึ้น
เครื่องดนตรีแบบ MIDI
Keyboard

ความสำคัญอย่างหนึ่งของ MIDI คือ
สามารถใช้งานร่วมกันกับคอมพิวเตอร์ที่มีระบบดนตรีซึ่งการใช้คอมพิวเตอร์จะพาไปสู่มิติอื่นอย่างไม่มี ที่สิ้นสุด และสามารถเก็บเพลงลงในคอมพิวเตอร์ได้ทันที และเรียกส่วนนั้นมาใช้งานได้ทุกเวลา
-ถ้ารู้วิธีเขียนตัวโน้ต เราก็สามารถผลิตผลงานเพลงด้วยตัวเองโดยถูกต้องและแจกจ่ายเพลง ให้กับคนอื่น ๆ ได้ ข้อดี ไฟล์ข้อมูลมีขนาดเล็ก การสร้างข้อมูล MIDI ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีจริงๆ ใช้หน่วยความจำน้อยทำให้ประหยัดพื้นที่บนฮาร์ดดิสก์ เหมาะสำหรับใช้งานบนระบบเครือข่าย และง่ายต่อการแก้ไขและปรับปรุง
สามารถใช้งานร่วมกันกับคอมพิวเตอร์ที่มีระบบดนตรีซึ่งการใช้คอมพิวเตอร์จะพาไปสู่มิติอื่นอย่างไม่มี ที่สิ้นสุด และสามารถเก็บเพลงลงในคอมพิวเตอร์ได้ทันที และเรียกส่วนนั้นมาใช้งานได้ทุกเวลา
-ถ้ารู้วิธีเขียนตัวโน้ต เราก็สามารถผลิตผลงานเพลงด้วยตัวเองโดยถูกต้องและแจกจ่ายเพลง ให้กับคนอื่น ๆ ได้ ข้อดี ไฟล์ข้อมูลมีขนาดเล็ก การสร้างข้อมูล MIDI ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีจริงๆ ใช้หน่วยความจำน้อยทำให้ประหยัดพื้นที่บนฮาร์ดดิสก์ เหมาะสำหรับใช้งานบนระบบเครือข่าย และง่ายต่อการแก้ไขและปรับปรุง
ข้อเสีย แสดงผลเฉพาะดนตรีบรรเลงและเสียงที่เกิดจากโน้ตดนตรีเท่านั้น และอุปกรณ์อิเล็กกทรอนิกส์ที่ใช้สร้างมีราคาค่อนข้างสูง
2. Bluetooth Headset เทคโนโลยีที่ซ่อนอยู่ข้างใบหู
รู้หรือเปล่าว่าหูฟังชิ้นเล็ก ๆ นี้มีเทคโนโลยีมากมายที่ได้ถูกบรรจุเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น
เทคโนโลยีในการตัดเสียงรบกวนรอบข้างที่จะช่วยให้การสนทนาของเรา เป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งมีเทคโนโลยีหลายรูปแบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เช่น การใช้ไมค์รับเสียงแบบพิเศษที่สามารถตรวจสอบคลื่นรบกวน เสียงลม เสียงรอบข้างที่ไม่ใช่เสียงพูดได้ หรือการใช้เซ็นเซอร์ในการตรวจจับการขยับของกล้ามเนื้อเพื่อใช้เป็นข้อมูล ประกอบการตัดสินใจในการตัดเสียงรบกวน นอกจากนี้หูฟังบลูทูธอย่าง Jawbone ยังสามารถลงแอพพลิเคชั่นเพื่อเพิ่มความสามารถ เพิ่มฟังก์ชั่นการทำงานได้อีกด้วย
(3.) ลำโพงไร้สาย SRS-BTV5
สัมผัสเดียว
จับคู่สมาร์ทโฟน NFC กับลำโพงไร้สายของ Sony ทำได้ง่าย เพียงสัมผัสเดียวและลำโพงแบบพกพาก็จับคู่ได้และพร้อมสำหรับเสียงเพลง ถ้าใครบางคนใกล้ๆ คุณอยากให้เพลงของตนดัง ก็เพียงแตะลำโพงด้วยสมาร์ทโฟน (NFC) ของพวกเขาเอง สัมผัสเดียว เพลงใหม่
เป็นอิสระด้วย Bluetooth™
ไม่มีการเชื่อมต่อสาย โทรศัพท์ของคุณหรืออุปกรณ์อื่น ๆ สตรีมเพลงไปยังลำโพงไร้สายของคุณผ่านทาง Bluetooth ™ เสียงใสชัดเจนและคุณมีอิสระที่จะเคลื่อนที่
ลำโพง
เมื่อมีการโทรเข้ามา กดปุ่มตอบรับ เสียงเพลงจะจางหายไปและคุณสามารถรับสายด้วยลำโพง Bluetooth™ ลำโพงไร้สายมีไมโครโฟนในตัว ทำให้เหมาะอย่างยิ่งเมื่อคนอื่นๆ ในห้องต้องการที่จะมีส่วนร่วมในการสนทนา
(4.) หูฟังไร้สาย
ต้องการโทรแบบแฮนด์ฟรีด่วนที่สุด คุณสมบัติ Always Ready ให้คุณเชื่อมต่อชุดหูฟังเข้ากับโทรศัพท์ของคุณโดยไม่จุกจิกหรือยุ่งยาก แค่นำชุดหูฟังออกจากกล่อง ที่เหลือชุดหูฟังจะจัดการให้คุณเอง เปิดใช้งาน ทำการเชื่อมต่อ และตอบรับสายเรียกเข้า และเมื่อสนทนาเสร็จแล้ว ใส่กลับลงไปในแท่นจากนั้นสายจะวางเองโดยอัตโนมัติ
(5.) Sound Card (การ์ดเสียง) คืออะไร
เสียงเป็นส่วนสำคัญของระบบมัลติมีเดียไม่น้อยกว่าภาพ ดังนั้นการ์ดเสียงจึงเป็นอุปกรณ์ จำเป็นที่สำคัญของระบบคอมพิวเตอร์ มัลติมีเดีย
การ์ดเสียงได้รับการพัฒนาคุณภาพอย่างรวดเร็วเพื่อ ให้ได้ประสิทธิภาพของเสียงและความผิดเพี้ยนน้อยที่สุด ตลอดจนระบบเสียง 3 มิติในปัจจุบัน ความชัดเจนของเสียง จะมีประสิทธิภาพดีเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก 2 ประการ คือ อัตราการสุ่มตัวอย่าง และความแม่นยำ ของตัวอย่างที่ได้ ซึ่งความแม่นยำของตัวอย่างนั้นถูกกำหนด โดยความสามารถของ A/D Converter ว่ามีความละเอียดมากน้อยเพียงใด ทำอย่างไรจึงจะประมาณ ค่าสัญญาณดิจิตอลได้ใกล้เคียงกับสัญญาณเสียงมากที่สุด ความละเอียดของ A/D Converter นั้นถูก กำหนด โดยจำนวนบิตของสัญญาณดิจิตอลเอาต์พุต เช่น
- A/D Converter 8 bit จะสามารถแสดงค่าที่ต่างกันได้ 256 ระดับ
- A/D Converter 16 bit จะสามารถแสดงค่าที่ต่างกันได้ 65,536 ระดับ
หากจำนวนระดับมากขึ้นจะทำให้ความละเอียดยิ่งสูงขึ้นและการผิดเพี้ยนของ สัญญาณเสียงยิ่งน้อยลง นั่นคือประสิทธิภาพที่ของเสียง ที่ได้รับดีขึ้นนั่นเอง แต่จำนวนบิตต่อหนึ่งตัวอย่างจะมากขึ้นด้วย
- A/D Converter 8 bit จะสามารถแสดงค่าที่ต่างกันได้ 256 ระดับ
- A/D Converter 16 bit จะสามารถแสดงค่าที่ต่างกันได้ 65,536 ระดับ
หากจำนวนระดับมากขึ้นจะทำให้ความละเอียดยิ่งสูงขึ้นและการผิดเพี้ยนของ สัญญาณเสียงยิ่งน้อยลง นั่นคือประสิทธิภาพที่ของเสียง ที่ได้รับดีขึ้นนั่นเอง แต่จำนวนบิตต่อหนึ่งตัวอย่างจะมากขึ้นด้วย
(6.) Razer Kraken 7.1 USB Headset Review [หูฟังเกมมิ่งระบบจำลองเสียง 7.1]
พบกันอีกครั้งกับบทความรีวิวอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่หลากหลายคนอยากจะได้เห็นตัวจริงๆ ของอุปกรณ์ประเภทต่างๆ ที่เราได้สัมผัสด้วยมือของทีมงาน แล้วก็เอาสิ่งที่เราสามารถรับรู้ได้มาบอกเล่าต่อกันให้ชาว NBS ได้ทราบ คราวนี้ก็วนกลับมากันที่หูฟังอีกครั้ง แต่คราวนี้จะมีความพิเศษตรงที่เป็นหูฟังเกมมิ่ง กับแบรนด์ยอดนิยมอย่าง Razer ซึ่งเป็นผู้นำด้านอุปกรณ์เสริมที่เกี่ยวช้องกับเกมเมอร์ไม่ว่าจะเป็น เมาส์ คีย์บอร์ และหูฟัง อย่างในรีวิวน้ีก็จะเป็นหูฟังรุ่น Razer Kraken 7.1 USB Headset โดยมาพร้อมกับคุณภาพที่ไว้ใจได้ ดีไซน์ที่โฉบเฉียว และที่สำคัญคือคุ้มค่าคุ้มราคา 3,790 บาท กับฟีเจอร์ที่ได้
ตัวกล่องมาแบบค่อนข้างดูดีใช้ได้เลย ถึงแม้จะเป็นรุ่นเล็กก็ตาม โทนสีก็เน้นสีดำและเขียวเป็นหลัก แสดงถึงพลังและความดุดันในตัว ที่นอกจากนี้ยังบอกถึงฟีเจอร์อื่นๆ อย่างเช่น เป็นหูฟังระบบ 7.1 แชนแนลแบบจำลอง, มีเสียงคุณภาพสูงเพื่อใช้เล่นเกมโดยเฉพาะ ไมค์ที่ใช้เป็นแบบดิจิตอลที่ให้คุณภาพสูง, ดีไซน์มาไว้เพื่อนักเล่นเกมมืออาชีพ และรองรับการเชื่อมต่อด้วยพอร์ต USB พร้อมการปรับแต่งด้วยซอฟต์แวร์ Synapse 2.0 ผ่านทางคอมพิวเตอร์ อีกทั้งยังมีไฟโลโก้ Razer สวยงาม
รูปร่างหน้าตาของหูฟัง Razer Kraken 7.1 USB Headset จะมีลักษณะเรียบๆ สีดำที่ดูดีและหรูหรา ซึ่งวัสดุที่ใช้เป็นหลักคือพลาสติดคุณภาพสูงมีความยืดหยุ่นให้ความรู้สึกที่ไม่แตกหักง่ายๆ ผิวสัมผัสเป็นแบบลื่นๆ แต่มีความรู้สึกมั่นคงเมื่อได้สัมผัส โดยในส่วนของหูฟังทั้ง 2 ข้างจะเป็นขนาด Full Size มีการบุผ้านุ่มนวลอย่างดีเอาไว้ รวมไปถึงบริเวณที่คาดบนที่จะเป็นจุดที่สัมผัสกับหัวของเราขณะสวมใส่ ส่งผลให้เวลาสวมใส่ใช้งานมีความสบาย ส่วนที่คาดของหูฟังนั้นจะเป็นการเล่นสีเขียวเอาไว้ ซึ่งโดยรวมแล้วก็ต้องบอกว่ามีการออกแบบดีไซน์คล้ายกับ Razer Kraken Headset ตัวธรรมดาพอสมควรทีเดียว ซึ่งน่าจะถูกใจบรรดาแฟนๆ ของ Razer อยู่แล้ว ไม่มากก็น้อย
แน่นอนว่าเราสามารถพับเก็บหูฟังรุ่นนี้ได้อย่างง่ายดายด้วยการพับไปมา ส่งผลให้เวลาพกพาไปไหนมาไหนก็มีความสะดวกสบายไม่เป็นภาระเท่าไหร่นัก อีกทั้งยังสามารถปรับระดับได้ เพื่อให้เหมาะสมกับศีษระของแต่ละบุคคล ซึ่งในส่วนของงานประกอบตามข้อต่อรวมไปถึงส่วนอื่นๆ นั้นมีความเรียบร้อยดี เรียกได้ว่าใช้งานได้สบายใจหายห่วง
ตัวฟองน้ำครอบหูก็เป็นแบบนิ่ม ใส่สบายพอควร แต่ถ้าใช้นานๆ อาจจะบีบหูจนเจ็บได้ และอาจจะเป็นตัวเรียกเหงื่อมารวมกันได้ดีทีเดียว ดังนั้นก็อย่าใส่ติดต่อกันนานๆ นะครับ (ก็ใส่ตอนเฉพาะจะเล่นเกมพอน่ะ) ส่วนเรื่องของการกันเสียงภายนอกนั้น ทำได้ค่อนข้างดีเลย ทั้งเสียงทุ้ม กลางแหลม อีกทั้งที่บริเวณข้อต่อระหว่างหูฟังกับก้านนั้น สามารถปรับโยกองศาของตัวหูฟังได้เล็กน้อย เพื่อให้เข้ากับใบหูของแต่ละคน
พอร์ตการเชื่อมต่อเป็น USB อย่างที่แจ้งไว้ตั้งแต่ตอนต้น โดยเป็นบบชุบทองคำ 24k ทำให้สามารถส่งสัญญาณเสียงได้โดยมีสัญญาณรบกวนน้อยกว่าโลหะทั่วไป ซึ่งด้วยความเป็น USB มีข้อดีก็คือสามารถปรับแต่งการใข้งานได้ด้วยซอฟต์แวร์ แต่ก็มีข้อเสียคือ ใช้ได้เฉพาะในส่วนของคอมพิวเตอร์เท่านั้น สำหรับหน้าตาของสายสัณญาณ Razer Kraken 7.1 USB Headset ก็ถือได้ว่ามีความเรียบง่ายทีเดียว ด้วยวัสดุสายถักที่มีความยืดหยุ่นซึ่งมีความยาวประมาณ 2 เมตร ที่เพียงต่อต่อการใช้งานทั้งโน้ตบุ๊คและพีซี
ขนาดของหูฟังก็เป็นแบบใหญ่ครอบหัวได้พอดี อีกทั้งยังเลือกใช้ไดร์ฟลำโพงขนาดใหญ่คุณภาพสูงอย่าง Neodymium Magnets ขนาด 40 มิลลิเมตร ที่มีช่วงเสียง 20Hz – 20kHz ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานเล่นเกมสบายๆ (ตามขอบเขตที่หูมนุษย์นั้นรับรู้ได้) อีกทั้งมีค่าความต้านทานอยู่ที่ 32 โอมตามมาตรฐานหุฟังคุณภาพ โดยมีกำลังสูงสุด 30 mW ที่เรียกได้ว่าเหมาะสมในการใช้งานทีเดียว ในการใช้งานจริงด้วยน้ำหนักตัวหูฟังอยู่ที่ 340 กรัม ก็ถือได้ว่าสวมใสได้อย่างสะดวกสบายไม่เมื่อยล้า สำหรับไมค์เมื่อเราต้องการใช้งานก็เพียงดึงออกมาจากช่องเก็บเท่านั้น อีกทั้งยังสามารถปรับความยาวและตำแหน่งของไมค์ได้ตามต้องการ
ที่สำคัญเมื่อเราเสียบใช้งาน Razer Kraken 7.1 USB Headset ไฟก็จะติดขึ้นมาทันที จากในส่วนของหูฟังทั้งสองข้างและตัวไมค์ ที่จัดได้ว่ามีความสวยงามและโดดเด่นมากๆ ทีเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น